Modified Myer's Cocktail Infusion หรือ ไมเยอร์ส คอกเทล (Myer’s Cocktail)  สูตรที่ประกอบไปด้วยมัลติวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิระหลายชนิดช่วยให้ ผิวพรรณสดใส ลดอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ช่วยเพิ่มการไหลเวียนหลอดเลือดทั้งร่างกาย กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาโรคภูมิแพ้ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการไมเกรน นอนไม่หลับ เป็นสารน้ำที่ประกอบไปด้วยมัลติวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยการให้สารอาหาร และมัลติวิตามินทางเส้นเลือด ด้วยสูตรผสมสารอาหารผิวเข้มข้นในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง 

 

ประโยชน์ของการทำ Myer's Cocktail

- ลดอาการเหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลียเรื้อรัง Chronic fatigue ลดอาการปวดเมื่อยตัว

- เพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายไปเลี้ยงหัวใจมากขึ้น

- กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการภูมิแพ้ โดยเฉพาะผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ลมพิษ

- ช่วยขยายหลอดลม ลดอาการหอบ หืด ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ต้านทานการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- เสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย ในผู้ที่ต้องการพลังงานสูง และรวดเร็ว สามารถใช้พลังงานของกล้ามเนื้อทำงานอย่างเร่งด่วนได้ทันที กรณีระหว่างการแข่งขันกีฬา

- ยับยั้งการหลั่งสาร Serotonin บรรเทาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน นอนไม่หลับ

- เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ที่สูงเกินไป (Hyperthyroidism)

- ปรับสภาพผิวทางลัด ลด และยับยั้งการสร้างเม็ดสี

- ช่วยระบบเผาผลาญ ให้ได้รับสารอาหารในสัดส่วนที่สมบูรณ์มากขึ้น

- ช่วยลดการอักเสบต่างๆ การฟื้นตัวของผู้ป่วยระยะพักฟื้น

 

เหมาะสำหรับใคร

- ผู้ที่ขาดสารอาหาร ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ มีภูมิแพ้อาหารแฝง

- มีอาการหอบ หืด ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ช่วยขยายหลอดลม

 

ใครที่มีข้อจำกัดบ้าง

- มีปัญหาโรคลมชัก

- ผู้ป่วยไตวาย หรือภาวะไตบกพร่อง

-เบาหวาน

- โรคเลือด

- สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร

 

ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับ Myer's Cocktail

Myer's Cocktail สารน้ำที่ประกอบด้วยวิตามินบี ซี บี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด โดยให้ทางหลอดเลือดดำ ในเวลา 1-1.30 ชั่วโมง เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ทางเลือกว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ได้ผลสูง ปลอดภัย สามารถทำได้ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์

 

หลังการทำ Myer's Cocktail ครั้งแรกจะเริ่มเห็นผลเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และชัดเจนขึ้นไปเรื่อยๆ ในครั้งต่อๆ ทั้งนี้ ขึ้นกับการตอบสนองของแต่ละบุคคล รวมถึงตัวอนุมูลอิสระเดิมในร่างกายที่แตกต่างกัน คล้ายกับการล้างพิษ หากพิษมาก หรือมีความเสื่อมของเซลล์มากก็ต้องใช้สารอาหาร หรือตัวต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น หากร่างกายได้รับการฟื้นฟูจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำเป็นประจำ สามารถทำได้เป็นครั้งคราว และยังไม่พบผลแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย เพราะล้วนเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เนื่องจากไม่ใช่ยา หรือสารแปลกปลอม แต่ต้องทำโดยแพทย์ หรือพยาบาลที่มีประสบการณ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ